โปรแกรมการฉีดโบทูลินัมท็อกซิน (โบฯ ท็อกซิน) เพื่อรักษาไมเกรนเรื้อรัง

หากคุณเป็นหนึ่งในผู้ที่ต้องเผชิญกับไมเกรนเรื้อรัง คุณคงทราบดีว่าอาการเหล่านี้ทำให้การใช้ชีวิตประจำวันลำบากเพียงใด แต่มีทางเลือกใหม่ คือการฉีดโบฯ ซึ่งได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเป็นวิธีการรักษาที่มีประสิทธิภาพในการลดความถี่และความรุนแรงของไมเกรน มาทำความรู้จักการรักษานี้กันให้มากขึ้นได้เลย

ไมเกรนเรื้อรังคืออะไร?

ไมเกรนเรื้อรังหมายถึง อาการปวดศีรษะตั้งแต่ 15 วันขึ้นไปในแต่ละเดือน โดยอย่างน้อย 8 วันของเดือนนั้นมีลักษณะปวดแบบไมเกรน ซึ่งผู้ป่วยจะมีอาการปวดรุนแรง มักปวดข้างเดียว คลื่นไส้ และไวต่อแสงและเสียง การรักษาด้วยวิธีทานยาอาจให้ผลลัพธ์ไม่ดีเพียงพอในผู้ป่วยบางราย

โบทูลินัม ท็อกซินสำหรับไมเกรนคืออะไร?

โบทูลินัม ท็อกซิน ซึ่งเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายในการใช้เพื่อความสวยงาม แต่ที่จริงแล้ว ยานี้ยังได้อนุมัติจาก FDA สำหรับการใช้ฉีดป้องกันไมเกรนเรื้อรังอีกด้วย โดยโบฯ ท็อกซิน ทำงานโดยการยับยั้งสารเคมีที่เกี่ยวข้องกับการส่งสัญญาณความเจ็บปวด เมื่อฉีดในบริเวณที่ศีรษะและท้ายทอย โบฯ ท็อกซินสามารถช่วยลดความถี่และความรุนแรง ของไมเกรนได้

ใครเหมาะกับการฉีดโบฯ ท็อกซินบ้าง?

การฉีดโบฯ ท็อกซินเหมาะสำหรับผู้ป่วยไมเกรนเรื้อรัง ที่มีอาการปวดศีรษะมากกว่า 15 วันต่อเดือนขึ้นไป

การฉีดโบฯ ท็อกซินเพื่อแก้ปวดไมเกรนต้องฉีดบ่อยแค่ไหน?

ควรฉีดทุก 3 เดือน ต่อเนื่องนาน 18 เดือน เพื่อควบคุมการปวดในระยะยาว แต่ละครั้งใช้เวลาในการฉีดประมาณ 15-20 นาที การฉีดบริเวณศีรษะเจ็บน้อยกว่าการฉีดลดริ้วรอยบนใบหน้าเนื่องจากบริเวณรอบศีรษะและท้ายทอยมีเส้นประสาทน้อยกว่า

ผลลัพธ์ที่คาดหวังได้คืออะไร?

ผู้ป่วยจำนวนมากพบว่าความถี่ของไมเกรนลดลงอย่างมีนัยสำคัญ จากการศึกษาพบว่าโบทูลินัม ท็อกซินสามารถลดจำนวนวันที่ปวดหัวได้ถึง 50%

หลังฉีดควรดูแลตนเองอย่างไรบ้าง?

• การฉีดโบฯ ท็อกซินมีผลข้างเคียงเพียงเล็กน้อย ตุ่มนูนของยาจะหายไปในเวลาไม่กี่ชั่วโมง
• อาจมีระบมเล็กน้อยบริเวณจุดฉีด แต่จะหายไปภายใน 1-2 วัน
• หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก หลีกเลี่ยงการขยี้ นวดบริเวณที่ฉีด เป็นเวลา 72 ชั่วโมง

เราจะป้องกันการเกิดไมเกรนด้วยตัวเองได้อย่างไรบ้าง?

• ลองหาตัวกระตุ้น เช่น ความเครียด อาหารบางประเภท การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน และปัญหาการนอนหลับเป็นตัวกระตุ้นไมเกรนที่พบบ่อย
• ดื่มน้ำให้เพียงพอและเข้านอนให้เป็นเวลา การเข้านอนผิดเวลา หรือเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา เป็นตัวกระตุ้นสำคัญของอาการไมเกรน
• ใช้เทคนิคการจัดการความเครียด เช่น การทำสมาธิ หรือการออกกำลังกายเบา ๆ มาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน

เรียบเรียงโดย แพทย์หญิง รรินทร ชุมสาย ณ อยุธยา แพทย์เฉพาะทางด้านการระงับปวด